top of page

KAMIKOCHI : ฤดูร้อนแห่งภูเขาแอลป์ญี่ปุ่น

Updated: May 3, 2019


คามิโคจิในอัลบั้มนี้ต้องย้อนกลับไปเมื่อ 3 ปีก่อน

นานจนจำเรื่องราวได้แค่นิดๆ ทุกคนเลยโชคดีเลยที่ครั้งนี้จะได้อ่านกันแบบสั้นๆ 😅


ที่นี่เป็นเสี้ยวหนึ่งของอุทยานชูบุ chubu sangaku ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเทือกเขาแอล์ปแห่งญี่ปุ่นในจังหวัดนางาโนะ เวลามาคามิโคจิแล้วเห็นฉากหลังเป็นภูเขาสูงใหญ่ นั่นก็คือแอล์ปญี่ปุ่นค่ะ ยอดเขามันสูงจนในฤดูร้อนก็ยังมีหิมะคลุมยอดอยู่เลย คนเรียกกันแบบนี้เพราะคล้ายแอลป์จริงในยุโรปค่ะ

บรรยากาศของคามิโคจิในฤดูร้อนเต็มไปด้วยสีสัน เห็นแล้วสดชื่น ท้องฟ้าใสๆในฤดูร้อนยิ่งทำให้แม่น้ำเป็นสีฟ้า น้ำในบึงสีส้มเหลืองไล่ระดับไปกับต้นไม้สีเขียวอ่อน หลากหลายแปลกตาดี พริมว่าอุทยานนี้สวยทุกมุม ใครอยากชื่นชมนานๆก็เลือกเดินเส้นทางยาวๆก็ได้ แต่ทริปนี้พาที่บ้านเที่ยว แม่ชิงบอกก่อนเลยว่าขอสั้นๆ

  1. Kappa Bridge

  2. Tasho Pond

  3. Tashiro Pond

นักท่องเที่ยวที่มาเป็นรถทัวร์ส่วนใหญ่จะอยู่แค่แถวที่เที่ยวแรกๆ

ถ้าเข้าไปข้างในยิ่งลึก นักท่องเที่ยวก็จะยิ่งน้อย แล้ววิวก็จะยิ่งสวยด้วยค่ะ



 

Kappa Bridge

จุดชมวิวแรกที่เข้าไปแล้วเห็นก่อนเพื่อนคือวิวจากบนสะพานคัปปะ ถ้าหันไปทางต้นน้ำจะเห็นภาพแม่น้ำสีเขียวอมฟ้า โดยมีฉากหลังเป็นภูเขาแอลป์แห่งญี่ปุ่น ในขณะที่เวลาเราหันไปทางทิศที่น้ำไหล ก็จะเจอกับยอดภูเขาไฟที่ระเบิดไปแล้วแต่ก็ยังรอวันที่จะระเบิดอีกครั้ง บริเวณนี้คึกคักมาก ถือว่าเป็นศูนย์กลางของจุดชมวิวอื่นๆ มีทั้งร้านอาหาร ร้านของฝาก และโรงแรมขนาดเล็ก

ระหว่างทางเดินไปอีกจุด มีธารน้ำสีส้มตัดกับป่าสีเขียว




 

Tashiro Pond

ทาชิโร เป็นบึงเล็กๆในพื้นที่ลุ่ม ถึงคามิโคจิและอุทยานชูบุจะเย็นจัดแค่ไหนในฤดูหนาว แต่ทาชิโร่ก็ไม่เคยเป็นน้ำแข็งเพราะมันมีน้ำพุร้อนหล่อเลี้ยงอยู่ข้างใต้ ที่เห็นน้ำเป็นสีส้มสนิมก็เพราะในน้ำมีธาตุเหล็กปนอยู่ด้วย ตรงไหนมากก็จะยิ่งแดง ถ้าน้อยๆก็เหลือง พอสีสันทั้งหมดรวมเข้ากับสีเขียวอ่อนของต้นไม้และเขียวเข้มของภูเขาสูง พริมเลยใช้เวลาอยู่ที่นี่นานที่สุด ชอบมาก มีฝูงลูกเป็ดว่ายน้ำเล่นด้วย

ทุ่งหญ้าสีมะนาวระหว่างทาง




 

Taisho Pond

ภูเขาไฟที่ระเบิดเมื่อร้อยปีก่อน ได้ทำให้โคลนจำนวนมากสไลด์ลงมาปิดกั้นแม่น้ำที่ไหลผ่านคามิโคจิ พอสายน้ำถูกกั้นจึงเกิดเป็นบึงน้ำไทโชขึ้น ในบึงน้ำสีเขียวแห่งนี้มีซากต้นไม้จากการระเบิดหลงเหลืออยู่ด้วย ส่วนภูเขาไฟตัวต้นเหตุนั้นตั้งอยู่หลังบึงอีกทีค่ะ มีเรือให้เช่าพายเล่นในบึงด้วย ที่นี่สวยจนชอบมีคนพกดระดาษและสีน้ำมานั่งวาดรูปกันด้วย

คนนึงใช้กล้อง คนนึงใช้มือถือ แต่คุณลงใช้สีน้ำและพู่กัน

จากบึงนี้ ถ้าไต่เนินขึ้นไปจะมีร้านกาแฟซ่อนอยู่ จริงๆมันเป็นร้านติดถนน พวกเราเลยตัดสินใจจะกลับทางนี้ซะเลย เพราะถ้าให้เดินย้อนไปออกทางเดิม คงเสียเวลาอีกเป็นชั่วโมงๆ พริมไปขอให้พนักงานร้านช่วยโทรเรียกแท๊กซี่ให้หน่อย เพราะรถเช่าที่เช่ามาจอดอยู่ห่างไปซักครึ่งชั่วโมงได้ค่ะ ที่นี่เค้าไม่ให้เอารถเข้ามาจอด ถ้าไม่นั่งบัสก็ต้องแท๊กซี่

นอกจาก 3 จุดหลักๆที่บอกมา วิวระหว่างแต่ละจุดก็ไม่น้อยหน้าเลย ทั้งลานหินกว้าง ทุ่งหญ้าสีเหลืองกับต้นสน และป่าต้นไม้สูงใหญ่ นอกจากเทรลชมวิวง่ายๆที่พริมเลือกแล้ว คามิโคจิยังมีเทรลโหดๆที่ต้องปีนป่ายด้วยนะคะ เลือกเส้นทางได้ตั้งแต่ 5 ชั่วโมงไปจนถึง 26 ชั่วโมงเลย

เด็กๆยืนดูผลพวงจากภูเขาไฟ

 

When to go

ไปคามิโคจิเมื่อไหร่ดี

อุทยานเปิดตั้งแต่ กลางเมษายน - กลางพฤศจิกายน

  • ถ้าอยากได้วิวหน้าร้อนแบบในรูป : มิถุนายน - กันยายน อย่างรูปที่ถ่ายมา พริมไปกรกฎาคม เนื่องจากที่นี่อยู่สูง อากาศหน้าร้อนเลยประมาณ 20-25 องศา

  • ถ้าอยากเจอใบไม้ร่วง : ตุลาคม

  • ถ้าอยากเห็นหิมะด้วยก็ต้องลุ้น : เมษายน / พฤศจิกายน

  • ส่วนหน้าหนาวอุทยานเลยปิดนะคะ


ข้อมูลท่องเที่ยวเพิ่มเติมของคามิโคจิ คลิก



Comments


bottom of page